ถือเป็นความสุขที่หาไม่ได้จากที่ไหน หลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันจากการเทรคกิ้งฝ่าหิมะ ตอนนี้ฉันอยู่ท่ามกลางสวนหิน มีเกล็ดหิมะค่อยๆตกลงมาสัมผัสศีรษะอย่างอ่อนโยน ความเหนื่อยล้าของร่างกายถูกชะล้างด้วยออนเซ็นอันแสนสบาย ทันทีที่ฉันถอนหายใจ ร่างกายก็เหมือนได้รับความอบอุ่น กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงก็กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง

เทรคกิ้งฝ่าหิมะที่หุบเขาอุนริว

ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ชั่วโมงที่แล้ว ฉันลุกออกจากเตียงที่แสนอบอุ่นตอนตี 4 และมุ่งหน้าสู่การผจญภัยที่รอฉันอยู่ ประมาณ 6 โมงครึ่งก็ขึ้นรถไฟ Tobu Revaty Limited Express เพื่อไปยังที่หมาย ระหว่างการเดินทางฉันดื่มกาแฟพร้อมกับใช้ Wi-Fi เพื่อเช็คอีเมล์ไปด้วย และยังสามารถชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือบนรถไฟได้ด้วย แค่นี้ฉันก็พร้อมสำหรับการผจญภัยแล้ว

ประมาณ 2 ชั่วโมงถัดมา ไกด์จาก NAOC ก็มารับที่สถานีนิกโกอย่างเป็นกันเอง เทียบกับโตเกียวแล้วที่นิกโกหนาวกว่ามาก โชคดีที่ฉันเตรียมเสื้อผ้าสำหรับกิจกรรมกลางหิมะมาแล้วเรียบร้อย ทั้งกางเกงเล่นสกี แจ็คเก็ต และบูทกันน้ำ แต่ที่ NAOC ก็มีบริการให้เช่าเช่นกัน

ฉันเตรียมของทานเล่นกับเครื่องดื่มพร้อมสำหรับการเทรคกิ้งมาด้วย หลังจากทำการตรวจสอบอุปกรณ์อย่างง่ายๆเสร็จ เราก็เริ่มออกเดินทางสู่หุบเขาอุนริวที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ

เริ่มแรกเราต้องข้ามแม่น้ำที่แข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ทั้งยังมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว โดยข้ามผ่านโขดหินที่ชันและแคบตามคำแนะนำของไกด์

ถ้าจะให้พูดตรงๆ นี่คงไม่ใช่การการเดินเขาแบบสบายๆ แต่เป็นเส้นทางที่ได้ปีนป่าย เหมาะสำหรับคนที่ตามหาความท้าทาย แม้ว่าเส้นทางจะค่อนข้างโหด แต่สิ่งที่รออยู่ปลายทางคือทิวทัศน์ของภูเขาและน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งส่องประกาย เป็นความงดงามของธรรมชาติที่อยู่ภายใต้อุณหภูมิติดลบ แม่น้ำอินาริซึ่งไหลสู่หุบเขาอุนริวและบริเวณรอบๆ รวมถึงน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งขนาบข้างเป็นความสวยงามของธรรมชาติอันไร้ที่ติแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

มื้อเที่ยงของฉันในวันนี้ไม่เหมือนกับวันอื่นๆ เพราะฉันได้อยู่ท่ามกลางวิวภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ แม่น้ำแข็งตัวที่พาดผ่านตามหมู่บ้าน และหินจากภูเขาไฟรูปร่างประหลาดตาที่ถูกสรรค์สร้างด้วยกระแสน้ำผ่านระยะเวลาหลายพันปี ฉันมองเพื่อนร่วมทางชาวญี่ปุ่นอย่างอิจฉา เขาเตรียมตัวมาอย่างดีด้วยกระติกน้ำอุ่นสำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปร้อนๆ ส่วนฉันก็ได้แต่มองแซนด์วิชและข้าวปั้นเย็นๆในมือตัวเอง ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยกาแฟลาเต้จากเพื่อนร่วมทาง ร่างกายฉันได้รับความอบอุ่นอย่างเต็มที่ เราใช้บริการทางลงเขาที่ถูกเตรียมไว้จึงทำให้เดินได้อย่างสบายๆ

แม้ว่าจะเป็นวันธรรมดา ก็ยังมีนักปีนเขามาเที่ยวกันอยู่ไม่น้อย ฉันเห็นบางคนมีทั้งเชือก ที่เจาะน้ำแข็ง และอุปกรณ์ต่างๆอย่างครบครันเพื่อมาพิชิตน้ำตกเคโคคุแห่งนี้ คงจะเกินเลเวลของฉันไปสักหน่อย แต่สำหรับมือโปรที่อยากลองกีฬาเอ็กซ์ตรีมแบบนี้ ที่นี่ก็มีไกด์พร้อมแนะนำเช่นกัน การผจญภัยที่นี่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม พร้อมคำแนะนำจากไกด์ที่เชี่ยวชาญสัก 1 - 2 คนจะดีที่สุด

พักค้างคืนที่โรงแรม นิกโก แอสเทรีย โฮเทล

"หลังจากแยกกับไกด์ที่สถานีนิกโก พวกเราก็ขึ้นรถบัส Tobu ที่ทั้งอุ่นและสบายด้วยระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ผ่านทะเลสาบชูเซ็นจิ ไปยังโรงแรม นิกโก แอสเทรีย โฮเทลในโอคุนิกโก NIKKO PASS ทำให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกมากๆ เพราะช่วยให้นั่งรถบัสภายในเมืองได้ฟรี และยังมีส่วนลดตามร้านค้าต่างๆอีกด้วย ที่นี่สามารถเดินทางไปยังศาลเจ้าชื่อดัง จุดชมธรรมชาติ และออนเซ็นได้อย่างง่ายดาย"

โรงแรม นิกโก แอสเทรีย โฮเทลตั้งอยู่ที่โคโตคุออนเซ็นในโอคุนิกโก สามารถใช้เวลาผ่อนคลายท่ามกลางป่าสีเขียวชอุ่ม บรรยากาศโรงแรมขนาดใหญ่ของท้องถิ่นแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก การบริการที่ดีเยี่ยมและความใส่ใจรายละเอียดต่อแขกที่มาเข้าพักยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน

อีกอย่างที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คืออาหาร มื้อเย็นวันนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลย มาเสิร์ฟตามเวลาตรงเผง เต็มไปด้วยเมนูและวัตถุดิบท้องถิ่น อย่างซาชิมิปลาเทราต์สายรุ้ง และปลายามาเมะทอด ยูบะ(พื้นผิวบางๆที่ได้ระหว่างการทำเต้าหู้) ของขึ้นชื่อที่นิกโก ก็เป็นส่วนประกอบของหลายๆจานในมื้อนี้ จานหลักคือชาบูน้ำใสพร้อมเนื้อและผัก ปิดท้ายด้วยไข่ตุ๋นและข้าว

หลังอาหารมื้อเย็นก็บรรเทาร่างกายอันอ่อนล้าด้วยออนเซ็น ในที่สุดวันแห่งการผจญภัยก็จบลงอย่างสวยงาม อาจเพราะวันนั้นเริ่มออกเดินทางแต่เช้า ฉันถึงหลับทันทีที่หัวถึงหมอน เช้าวันต่อมาฉันก็ถือโอกาสแช่ออนเซ็นอีกรอบก่อนอาหารเช้า

การเทรคกิ้งอันแสนโหดได้ผ่านไปแล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่กิจกรรมหลังอาหารเช้าในวันนี้คือการเดินเล่นในหิมะรอบๆโรงแรม ตอนแรกฉันว่าจะลองเล่นสกี แต่พนักงานโรงแรมแนะนำให้เดินเล่นสบายๆไปชมวิวแถวแม่น้ำมากกว่า สำหรับฉันที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนรถไฟอันเบียดเสียดในเมือง บรรยากาศอันเงียบสงบที่ได้ยินเพียงเสียงเท้าของตัวเองนี้ช่างรู้สึกดีอย่างประหลาด เมื่อฉันหยุดเดินก็จะเหลือเพียงความเงียบสงบรอบกาย อากาศบริสุทธิ์และวิวภูเขาอันยิ่งใหญ่งดงามมาก  เสียดายที่ฉันไม่ได้เห็นกวาง แต่ยังเห็นรอยเท้าของพวกมันอยู่รอบๆ ด้วยแผ่นพับเกี่ยวกับรอยเท้าของสัตว์ป่าที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าแถวนี้มีสัตว์ป่าชนิดไหนอาศัยอยู่บ้าง

สถานที่ท่องเที่ยวและอาหารในนิกโก

พอเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแล้วก็ได้โอกาสใช้ NIKKO PASS อีกครั้ง เพื่อขึ้นรถบัส Tobu ไปยังน้ำตกเคกงที่อยู่ห่างออกไป 30 นาที โชคดีที่มีลิฟต์ความสูงกว่า 100 เมตรพาเราลงไปยังจุดชมวิวด้านล่างของน้ำตก ช่วงฤดูนี้ทำให้เราถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำแข็งรูปร่างสวยงามซึ่งถูกสร้างโดยธรรมชาติ

ที่ต่อไปก็คือคันมังกาฟุจิ สถานที่จริงไม่ได้ประหลาดเหมือนชื่อสักเท่าไหร่ คันมังกาฟุจิเหมือนเป็นโอเอซิสที่แสนสงบ  สามารถเดินเล่นท่ามกลางความเงียบผ่านสายน้ำและหินลาวาโบราณ มีรูปปั้นจิโซนั่งอยู่เป็นแถวข้างทาง เมื่อเดินท่ามกลางรูปปั้นและมองตามรูปปั้นจิโซอย่างสงบก็จะเห็นวิวอันสวยงามของแม่น้ำด้วย

มาถึงจุดนี้ฉันก็เริ่มหิว จึงรีบเดินลงมายังร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดที่ อาคารประวัติศาสตร์โรงแรมคานายะ คอทเทจ อินน์ เรสเทอรองต์ ภายในร้านสะอาดสะอ้านและต้อนรับอย่างเป็นกันเอง มีเมนูภาษาอังกฤษ และเมนูอาหารเที่ยงรายวันให้เลือกชิม ที่ญี่ปุ่นอาหารเที่ยงถือเป็นมื้อที่จะหาอาหารแบบเซ็ตที่คุ้มราคาได้มากที่สุด และที่นี่ก็มีเมนูให้เลือกมากมาย ฉันได้สั่งหมูผัดขิงและผักต้ม รวมถึงขนมปังที่อยู่ในเซ็ตก็กรอบและสดใหม่ ร้านนี้ตั้งอยู่ในโรงแรมนิกโก คานายะ ซึ่งถูกดัดแปลงจากบ้านของซามูไรในยุคเมจิ ต้องได้มาเห็นกับตาสักครั้งจริงๆ ตัวฉันเองก็อยากมาอีกจะได้เดินชมอย่างละเอียด

แต่ไฮไลท์ของวันนี้คงต้องยกให้สวนอนุสรณ์สถานพระตำหนักนิกโก้ทาโมซาวะ ในสมัยก่อนอาคารนี้เป็นที่พักขนาดใหญ่ที่ได้ต้อนรับราชวงศ์กันมารุ่นสู่รุ่น ถูกแบ่งเป็นหลายๆส่วน เช่น พิพิธภัณฑ์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และ นิทรรศการเกี่ยวกับเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมของอาคารนี้ในหลายๆยุคสมัย ฉันใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงเดินชมรอบๆเพื่อดูรายละเอียดต่างๆพร้อมอ่านข้อมูลภาษาอังกฤษไปด้วย ฉันมีโอกาสได้ชมอาคารเก่าของญี่ปุ่นมาหลายครั้ง แต่รายละเอียดของที่นี่มีเอกลักษณ์จริงๆ ได้เรียนรู้ว่าผู้อาศัยและแขกของที่นี่ใช้ชีวิตกันแบบไหน รวมถึงอาบน้ำกันอย่างไรด้วย (แอบกระซิบว่าไม่ใช่อ่างอาบน้ำแบบคนทั่วไปแน่นอน)

พนักงานที่นี่ใจดีและเป็นกันเองมากๆ คอยตอบคำถามและแนะนำมุมถ่ายรูปสวยๆให้ด้วย

เริ่มคอแห้งแล้วก็มุ่งหน้าไปที่นิกโก้คอฟฟี่ โกโยเทโดริอยู่ห่างจากสวนอนุสรณ์สถานพระตำหนักนิกโก้ทาโมซาวะเพียงไม่กี่นาที ที่นี่ถูกดัดแปลงจากร้านค้าในสมัยก่อน การตกแต่งภายในร้านน่ารักและชวนให้คิดถึงอดีต กาแฟแนวโมเดิร์นของที่นี่คงจะถูกใจคอกาแฟอยู่ไม่น้อย ด้วยความหลากหลายของเมล็ดกาแฟและกรรมวิธีการคั่วกาแฟโฮมเมด หลังจากที่อิ่มหนำกับสโคนปาดครีมและแยมแสนอร่อยแล้ว ฉันก็มีพลังที่จะไปช้อปปิ้งต่อทันที

กลับมาที่รถบัส จุดมุ่งหมายต่อไปคือถนนช้อปปิ้งที่ยาวไปถึงสถานีนั่นเอง ฉันลงจากบัสที่สะพานชินเคียว เดินเล่นดูร้านรวงสองข้างทางไปทีละร้าน หนึ่งในร้านที่ฉันชอบที่สุดก็คือ Kumo-Izu ที่มีขนมซปโปะยากิไส้คัสตาร์ดรูปลิง ไม่ใช่แค่น่ารักเท่านั้น แต่ซปโปะยากิร้อนๆได้ช่วยร่างกายที่เริ่มจะหนาวของฉันให้อบอุ่นขึ้นมาด้วย

แต่ก็อดใจไม่ไหวที่จะลองชิมเบียร์คราฟท์สดๆของ Murmur “Biiru” Stand เจ้าของร้านใจดีและพร้อมที่จะต้อนรับลูกค้าและนักท่องเที่ยวให้หายเหนื่อยด้วยเบียร์คราฟท์ทำมือของเขา ฉันเลือกดื่ม Ginger Pale Ale เพราะไม่เคยเห็นเมนูนี้มาก่อน เป็นตัวเลือกที่ไม่ผิดหวังเลย

แล้วก็ไม่ลืมที่จะแวะไปที่ Dragon Art Kousyuuya เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วตอนที่ฉันได้มานิกโกกับแฟน (สามีในปัจจุบัน) ฉันได้ซื้อผลงานของศิลปินท่านนี้ให้เขา ตอนนี้ผลงานชิ้นนั้นได้ถูกแขวนไว้ในบ้านของเราอย่างภาคภูมิใจ ทุกครั้งที่เพื่อนมาเยี่ยมที่บ้านก็จะทักถึงมันทุกครั้ง ครั้งนี้เลยได้โอกาสสั่งผลงานที่จะเข้ากับบ้านใหม่ของเรา ทุกอย่างเสร็จภายใน 20 นาทีและเป็นชิ้นงานที่จะเก็บความทรงจำให้เรานึกถึงการเดินทางในญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี เหมาะมากที่จะซื้อเก็บเป็นของที่ระลึกในราคาที่เอื้อมถึง

และแล้วเราก็ใกล้ถึงสถานี เหลือเวลาที่จะต่อแถวร้านสุดท้ายพอดี ซึ่งก็คือร้าน Sakae ที่ขายยูบะมันจูทอดชื่อดังนั่นเอง ยูบะมันจูอุ่นๆกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี ข้างนอกกรอบและมีรสเค็มของเกลือที่โรยไว้ แต่เมื่อกัดเข้าไปแล้วความหวานจากด้านในก็จะแผ่ไปทั่วปาก การที่ได้รับรสอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นภายในคำเดียวแบบนี้คงไม่ได้หากันได้ง่ายๆ

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถึงเวลาที่ฉันอยากดื่มเบียร์ขึ้นมาอีกรอบพอดี เลยจัดการซื้อมาสักหน่อยสำหรับขากลับไปอาซะกุสะบนรถไฟ Tobu Limited Express

ครั้งนี้เป็นทริปที่ได้ผจญภัยอย่างแท้จริง สำหรับฉันที่อยู่ญี่ปุ่นมา 20 ปีและรักการท่องเที่ยว การผจญภัย และกีฬาฤดูหนาวแบบนี้ ก็ยังได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมากมาย ถึงจะอยู่ญี่ปุ่นมานานแต่ฉันก็ถือว่าตัวเองเป็นคนออสเตรเลียทั่วไปคนหนึ่ง ทุกๆปีฉันกับครอบครัวจะสนุกสนานกันท่ามกลางหิมะ (ส่วนใหญ่จะไปเล่นสกีที่สกีรีสอร์ตต่างๆในญี่ปุ่น) และมักจะเจอคนออสเตรเลียที่มาเที่ยวญี่ปุ่นทุกครั้ง สำหรับทริปในครั้งนี้ทำให้ฉันได้รู้ว่ากิจกรรมในฤดูหนาวของญี่ปุ่นนั้นยังมีอะไรอีกมากมายให้ท้าทาย ถ้าจะให้แนะนำคนออสเตรเลียที่อยากจะมาเล่นกีฬาฤดูหนาวที่นี่ ฉันก็คงแนะนำให้มาพักที่นิกโกสักสองสามวันเพื่อใช้เวลาชื่นชมธรรมชาติและมรดกโลกอันงดงาม เชื่อเถอะว่านิกโกช่างสวยงามจนเกือบลืมหายใจจริงๆ

การเดินทางไปนิกโก
http://www.tobujapantrip.com/th/area/nikko_kinugawa/access.html
NIKKO PASS
http://www.tobujapantrip.com/th/ticket/nikko/
เส้นทางรถบัส Tobu
http://www.tobu-bus.com/en/nikko/ (English)
โรงแรม นิกโก แอสเทรีย โฮเทล
http://www.tobujapantrip.com/th/lodging/nikko_kinugawa/22.html
น้ำตกเคกง
http://www.tobujapantrip.com/th/information/nikkoguide/?page=5
คันมังกาฟุจิ
http://www.tobujapantrip.com/th/information/nikkoguide/?page=9
อาคารประวัติศาสตร์โรงแรมคานายะ คอทเทจ อินน์ เรสเทอรองต์
http://www.tobujapantrip.com/th/information/nikkoguide/?page=19
สวนอนุสรณ์สถานพระตำหนักนิกโก้ทาโมซาวะ
http://www.tobujapantrip.com/th/information/nikkoguide/?page=37
นิกโก้คอฟฟี่ โกโยเทโดริ
http://www.tobujapantrip.com/th/information/nikkoguide/?page=16
NAOC
https://www.naoc-jp.com/