4/4

ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง

นั่งรถด่วนชินคันเซนจากสถานี Tokyo ไปยังสถานี JR Yamagata จากนั้นต่อรถบัส Yamagata เป็นเวลา 40 นาที ไปยังสถานี Zao Onsen

นั่งรถบัสจากสถานี Yamagata ไปยัง Zao Onsen
สามารถซื้อตั๋วไป Zao Onsen

เพลิดเพลินกับสุดยอดความน่าสนใจของเมืองยะมะงะตะ อยู่ห่างจากสถานี Yamagata เพียง 15 นาที เท่านั้น

หลังลงจากรถด่วน Yamagata Shinkansen ที่สถานี Yamagata แล้ว ให้ต่อรถบัสเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Zao Onsen ระหว่างรอรถบัสและรถด่วนชินคันเซน เราก็สำรวจสถานีเพื่อตามหาอาหารเลิศรสที่น่าสนใจ จะได้รับประทานฆ่าเวลา

จุดน่าสนใจที่ 1: Otoyama Brewery
ความลับเบื้องหลังเหล้าสาเกรสโอชะก็คือคุณภาพของข้าวและน้ำอันเป็นจุดเด่นของจังหวัดยะมะงะตะอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ เหล้าสาเกจากยะมะงะตะจึงไม่ได้รับการยกย่องเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น แต่ยังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ประวัติที่โดดเด่นที่สุดคือ Otoyama Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีคันเซกันเน็น (ค.ศ. 1789) นั้นได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย สามารถมาเยี่ยมเยือน Otoyama Brewery เพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเหล้าสาเก เราโชคดีที่โผล่หน้าไปตอนโรงกลั่นเริ่มกลั่นเหล้าสาเกพอดี เราจึงได้รับชมขั้นตอนอย่างครบถ้วน ตั้งแต่การบ่ม การตกตะกอน ไปจนถึงการฆ่าเชื้อโรค เนื่องจากเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับเหล้าสาเกมาก่อนเลย นี่จึงเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ได้เปิดหูเปิดตาทีเดียว ห้ามพลาดโรงกลั่นโดยเฉพาะผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเหล้าสาเก แม้ว่าทางโรงกลั่นจะเปิดตลอดปี แต่เดือนมกราคมถึงมีนาคมเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการไปเยือน หากจะไปต้องจองล่วงหน้า ฉะนั้นอย่าลืมจองก่อนมาด้วยล่ะ!

ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม สามารถรับชมขั้นตอนการกลั่นได้ที่ Otoyama Brewery
หลังทัวร์โรงกลั่น สามารถซื้อเหล้าสาเกจากร้านจำหน่ายภายในโรงกลั่น

"จุดน่าสนใจที่ 2: Beni no Kura
Beni no Kura มีการทุบทิ้งและสร้างใหม่จนอยู่ในสภาพดีเยี่ยม ไม่เพียงมีอาหารหลากหลายชนิดให้เลือกรับประทาน แต่ยังมีของที่ระลึกของจังหวัดยะมะงะตะจำนวนมหาศาลให้เลือกซื้ออีกด้วย คาดหวังได้เลยว่าจะได้มาเจอกับเหล้าสาเกกลั่น ไวน์ งานฝีมือ และของทานเล่นจากจังหวัดยะมะงะตะ ไม่แน่ใจว่าจะซื้อเหล้าสาเกประเภทใดดีน่ะหรือ? ไม่ต้องกังวลไป เพราะมีมุมชิมเหล้าสาเกในร้านต่างๆ ให้ทดลองโดยคิดค่าบริการเพียง 100 เยนเท่านั้น"

"สามารถหาซื้อของที่ระลึกอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจังหวัดยะมะงะตะได้ที่ร้าน Beni no Kura
เครื่องจำหน่ายที่ Beni no Kura มีให้ชิมเหล้าสาเกของจังหวัดยะมะงะตะ โดยคิดค่าบริการเพียง 100 เยน"

จุดน่าสนใจที่ 3: Shoji-ya
โซบะยะมะงะตะขนานแท้ขึ้นชื่อเรื่องรสสัมผัสที่นุ่มเหนียว หากอยากลิ้มลองโซบะยะมะงะตะ เราขอแนะนำร้าน Shoji-ya ซึ่งมีประวัติยาวนานถึง 150 ปี เมื่อมาเยือนสาขา Nanokamachi Gotomizu จะได้สูดบะหมี่ไปพร้อมกับการรับชมทัศนียภาพอันงดงาม เราสั่งไอโมริ บันเต็น (Aimori Banten) ที่โด่งดัง มาพร้อมโซบะสองชนิดที่มีรสสัมผัสแตกต่างกัน รวมถึงเทมปุระกรุบกรอบที่ทอดจนมีสีทองสวยงาม

"เมื่อมาเยือนสาขา Nanokamachi Gotomizu จะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ของร้านซึ่งแผ่ออกมาจากสถาปัตยกรรมที่ตกแต่งด้วยไม้
ไอโมริ บันเต็น (Aimori Banten) เป็นเมนูชื่อดังของร้าน Shoji-ya มาพร้อมโซบะ 2 ประเภทให้เพลิดเพลิน"

จุดน่าสนใจที่ 4: Bunshokan
Bunshokan อันสง่างามตั้งอยู่ไม่ไกลจากนาโนกะมาจิ ความจริงบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของ Yamagata Prefectural Governmental Assembly แต่เนื่องจากถูกกำหนดเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น นับจากนั้นมาจึงกลายมาเป็น Yamagata Prefectural Museum ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมเพียงไม่กี่แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่ยุคไทโช จึงมีการทะนุบำรุงเป็นอย่างดี โดยชั้นสามยังอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิม อันที่จริงภาพยนตร์เรื่อง Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno ก็มาถ่ายทำที่นี่เหมือนกัน จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แฟนๆ ของเรื่อง Rurouni Kenshin ห้ามพลาด

Taisho Era Bunshokan หลงเหลืออยู่ในรูปของ Yamagata Prefectural Museum จนถึงทุกวันนี้
สำนักงานของผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิม และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno ด้วย"

สถานที่และพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง